วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561



บันทึกหลังการเรียนรู้
ครั้งที่ 11 วันที่ 26 มีนาคม 2561
เนื้อหาการเรียนรู้
การสอนศิปะสร้างสรรค์
Ø การสอนจะต้องมีความหลากหลายไม่น่าเบื่อ
Ø การประดิษฐ์จะต้องสามารถบูรณาการได้
การสอนกลางแจ้ง
Ø การกำกับเด็กควรใช้เพลง เพื่อกระตุ้นความสนใจของเด็กในการทำกิจกรรม
เกมการศึกษา
Ø อธิบายวิธีการเล่นที่ชัดเจน
Ø เกมจะต้องมีตามหน่วยการเรียนรู้
Ø ต้องมีทักษะกระบวนการให้เด็กฝึกคิด
            สาธิตการสอนเสริมประสบการณ์ตามหน่วยการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม  โดยเริ่มการสอนเรียงตามกลุ่มดังนี้
Ø หน่วยผีเสื้อ
Ø หน่วยยานพาหะนะ
Ø หน่วยแหล่งน้ำ
Ø หน่วยของเล่นของใช้
Ø หน่วยฝน
Ø หน่วยตัวเรา
Ø หน่วยไข่ ( กิจกกรรมคุกกิ้ง)
โดยแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนของกลุ่มออกมาสอนตามวันและตามแผนการสอนที่เขียนไว้เมื่อทุกกลุ่มสอนเสร็จแล้วก็ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ ดังนี้
Ø ตัวหนังสือที่เขียนบนแผ่นชาร์ทตัวต้องใหญ่พอดีเด็กจะได้มองเห็นได้ชัดเจน
Ø หากมีภาพมาให้เด็กติดลงบนแผ่นชาร์ทควรให้เด็กเลือกภาพนั้นเอง
Ø ต้องสอนให้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้
Ø ถ้าเป็นการสอนแบขั้นตอนควรมีลักษณะเป็นช่องๆลงมาดังนี้

Ø การเขียนสาระการเรียนรุ้ในแผน คือ การเขียนเนื้อหาที่จะสอนลงไป
Ø หากมีสิ่งของมาให้เด็กดูควรจัดหาภาชนะใส่ที่มิดชิด เด็กจะได้มีความตื่นเต้นและช่วยกันทายว่าสิ่งที่อยู่ในภาชนะคืออะไร
Ø หากจะพูดอธิบายให้เด็กฟังถึงประโยยชน์และโทษควรพูดทีละอย่าง
การสอนเสริมประสบการณ์ในวันนี้ถือว่าผ่านไปด้วยดี ได้รับคำชมจากอาอารย์

รูปการทำกิจกรรม




















คำศัพท์ที่น่าสนใจ
Active learning การเรียนรู้แบบลงมือทำ(ปฏิบัติ)
การนำมาประยุกต์ใช้
นำความรู้และหลัการที่อาจารย์สอนไปใช้ในการฝึกสอนได้ เช่น การเขียนแผนการสอน การร้องเพลง และยังรวมไปถึงการเตรียมเขียนแผนการสอนในหน่วยการเรียนรู้ต่างๆว่าจะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้างเพื่อง่ายต่อการเขียนแผนการสอนกิจกรรมการเสริมประสบการณ์     
การประเมินผล
ประเมินตนเอง
ไปตรงเวลาและตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด มีข้อเสนอแนะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับอาจารยืเมื่ออาจารรย์ถาม และทำงานกับเพื่อนได้ตามบรรลุเป้าหมาย ตอบคำถามและถามอาจารย์เมื่อไม่เข้าใจ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนตั้งใจเรียนและช่วยกันตอบคำถามของอาจารยืได้เป้นอย่างดี เตรียมแผนการสอนของหน่วยตัวเองมาเป็นอย่างดีและมีเทคนิควิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
อาจารย์มีความรับผิดชอบตรงต่อเวลาและเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี แต่งกายได้เหมาะสมสามารถเป็นตัวอย่างให้กับนักศึกษาได้ แนะนำและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเสนอเพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และหากนักศึกษามีข้อสงสัยอาจารย์ก็สามารถอธิบายให้นักศึกษาฟังได้อย่างดีรวมไปถึงการบอกเทคนิคต่างๆเพิ่มเติม






วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561


บันทึกหลังการเรียนรู้
ครั้งที่ 10 วันที่ 19 มีนาคม 2561
เนื้อหาการเรียนรู้
            สาธิตการสอนเสริมประสบการณ์ตามหน่วยการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่ม (วันอังคาร) โดยเริ่มการสอนเรียงตามกลุ่มดังนี้
Ø หน่วยฝน
Ø หน่วยตัวเรา
Ø หน่วยไข่
Ø หน่วยยานพาหะนะ
Ø หน่วยผีเสื้อ
Ø หน่วยของเล่นของใช้
Ø หน่วยน้ำ
โดยแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนของกลุ่มออกมาสอน ตามแผนการสอนที่เขียนไว้เมื่อทุกกลุ่มสอนเสร็จแล้วก็ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ ดังนี้
·       เพลงต้องมีความเชื่อมโยงกับหน่วยที่สอนของวันนั้น
·       การใช้นิทานในการสอน (ขั้นนำ) มีเด็กจำนวนเยอะๆควรใช้นิทานเล่มใหญ่เด็กจะได้มองเห็นชัด
·       ในการสอนควรให้เด็กมีส่วนร่วม เช่น ให้เด็กออกมาติดรูปภาพตามหน่วย
·       การสอน ( ขั้นนำ ) ควรจะเป็นเพลงมากกว่าการใช้นิทาน
·       การบอกลักษระ ตำแหน่ง/รูปทรง/จำนวน/มีภาพประกอบ
·       หากต้องการให้เด็กดูสิ่งต่างๆ เปรียบเทียบสิ่งต่างๆ ควรให้เด็กดูไปทีละชนิดพร้อมบันทึกไปด้วยและวาดรูปประกอบเพื่อให้เด็กเห็นภาพชัดเจน
·       การบันทึกต้องบันทึกเรียงตามตารางการบันทึกที่สร้างมา
·       ไม่ควรนำของคนละประเภท มาให้เด้กเปรียบเทียบกัน
·       การแทนสัญลัญลักษณ์ เล็ก / ใหญ่ อาจจะวาดภาพประกอบเพื่อให้เด็กเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
·       ภาพที่นำมาประกอบควรเป็นภาพใหญ่
·       การสรุปความเหมือนต่าง ต้องใช้ไดอะแกรม

รูปการทำกิจกรรม






กิจกรรมเสริมประสบการณ์ หมายถึง กิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างมีจุดหมาย ฝึกให้เด็กคิด แก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุผล ฝึกการเข้าสังคม และฝึกการใช้ภาษา ผ่านการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ด้วยวิธีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย เช่น การสนทนา อภิปราย การเล่านิทาน การสาธิต ทดลอง การปฏิบัติการ การศึกษานอกสถานที่ การเล่นบทบาทสมมุติ ร้องเพลง ท่องคำคล้องจอง เล่นเกม
มีประโยชน์ของกิจกรรมเสริมประสบการณ์ต่อเด็กปฐมวัย
กิจกรรมเสริมประสบการณ์มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาการคิดของเด็กปฐมวัย เพราะลักษณะการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์อยู่บนพื้นฐานตามแนวคิดว่า เด็กทุกคนมีศักยภาพในการสร้างองค์ความรู้ โดยอาศัยสภาพจริงที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมของคน โดยจัดอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ผ่านการสัมผัส การซึมซับ การเลียนแบบ การกระทำ การเล่นอย่างมีความสุข เพราะการที่เด็กได้ทดลองด้วยตนเองนั้นจะส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถในการสรุปข้อค้นพบหรือเรียกว่า องค์ความรู้ ได้จากประสบการณ์ตรง เด็กได้มีโอกาสปฏิบัติโดยวิธีการที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นการฝึกเด็กให้ได้คิดแก้ ปัญหา ใช้เหตุผลและฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่ การสนทนา การอภิปราย การเล่านิทาน การสาธิต การใช้คำถาม การทดลอง ปฏิบัติการ ศึกษานอกสถานที่ การเล่านิทาน บทบาทสมมติ การร้องเพลง เล่นเกม ท่องคำคล้องจอง ฯลฯ เนื่องจากวิธีการดังกล่าว เด็กได้มีโอกาสคิด ได้ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมซึ่งส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสอยู่ในสังคมและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กได้ทดลองปฏิบัติ ให้เด็กได้สังเกตได้ค้นพบด้วยตนเองผ่านกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่ช่วยส่งเสริมการคิดวิจารณญาณของเด็กปฐมวัยอยู่ในระดับที่ดี ทั้งนี้เพราะรูปแบบการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ เด็กเป็นผู้ลงมือปฏิบัติการทดลองด้วยตนเอง เด็กได้สำรวจวัสดุ บอกความเหมือนความแตกต่างของวัสดุอุปกรณ์ตามลักษณะและคุณสมบัติ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งเพราะกิจกรรมวิทยาศาสตร์เป็นการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กในกิจกรรมเสริมประสบการณ์
การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ที่โรงเรียนควรมีลักษณะ ดังนี้
·         การสนทนา อภิปราย เป็นการสร้างเสริมพัฒนาการทางภาษาในการพูด การฟัง รู้จักแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ผ่านสื่อของจริง ของจำลอง รูปภาพ สถานการณ์จำลอง ฯลฯ
·         การเล่านิทาน เป็นการเล่าเรื่องต่างๆ ส่วนมากจะเน้นการปลูกฝังให้เด็กเกิดคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เด็กเข้าใจสิ่งที่เป็นรูปธรรมได้ดีขึ้น โดยมีสื่อประกอบเป็นรูปภาพ หนังสือนิทาน หุ่น หรือการแสดงท่าทางประกอบการเล่าเรื่อ
·         การสาธิต เป็นการจัดกิจกรรมที่ให้เด็กได้สังเกตและเรียนรู้ขั้นตอนของกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริง บางครั้งครูอาจให้เด็กเป็นผู้สาธิตร่วม เช่น การเพาะเมล็ด การเป่าลูกโป่ง การทำกระดาษสา ฯลฯ
·         การทดลอง/ปฏิบัติการ เป็นกิจกรรมที่เด็กจะได้รับประสบการณ์ตรงในการลงมือทำด้วยตน เอง ได้ฝึกสังเกตการเปลี่ยนแปลง การคิดแก้ปัญหา และส่งเสริมให้เด็กมีความอยากรู้อยากเห็น และค้นพบด้วยตนเอง เช่น การประกอบอาหาร การทดลองวิทยาศาสตร์ง่ายๆ การเลี้ยงหนอนผีเสื้อ การปลูกพืช ฯลฯ
·         การศึกษานอกสถานที่ เป็นการจัดกิจกรรมที่เด็กได้รับประสบการณ์ตรงโดยการพาเด็กไปทัศนศึกษาสิ่งต่างๆนอกสถานศึกษา เพื่อเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์แก่เด็ก
·         การเล่นบทบาทสมมุติ เป็นการให้เด็กสมมุติตนเองเป็นตัวละครต่างๆ ตามเนื้อเรื่องในนิทานหรือเรื่องราวต่างๆ อาจมีวัสดุอุปกรณ์ประกอบ เช่น หุ่นสวมศีรษะ ที่คาดศีรษะรูปคน สัตว์ เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ของจริงต่างๆ
·         การร้องเพลง เล่นเกม ท่องคำคล้องจอง เป็นการจัดให้เด็กได้แสดงออกเพื่อความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาและจังหวะ หรือเกมที่ไม่เน้นการแข่งขัน

ความรู้พิ่มเติม
การจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ครูควรจัดกิจกรรมที่หลากหลาย โดยเน้นให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง และมีโอกาสค้นพบด้วยตนเองให้มากที่สุด ยืดหยุ่นในเรื่องระยะเวลาตามความสนใจของเด็ก เปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกคิดด้วยการใช้คำถามปลายเปิด และยอมรับความคิดเห็นที่หลากหลายของเด็ก

คำศัพท์ที่น่าสนใจ
Diagram แผนภาพ
Category ประเภท

การนำมาประยุกต์ใช้
นำความรู้และหลัการที่อาจารย์สอนไปใช้ในการฝึกสอนได้ เช่น การเขียนแผนการสอน การร้องเพลง และยังรวมไปถึงการเตรียมเขียนแผนการสอนในหน่วยการเรียนรู้ต่างๆว่าจะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้างเพื่อง่ายต่อการเขียนแผนการสอนกิจกรรมการเสริมประสบการณ์     
การประเมินผล
ประเมินตนเอง
ไปตรงเวลาและตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด มีข้อเสนอแนะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับอาจารยืเมื่ออาจารรย์ถาม และทำงานกับเพื่อนได้ตามบรรลุเป้าหมาย ตอบคำถามและถามอาจารย์เมื่อไม่เข้าใจ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนตั้งใจเรียนและช่วยกันตอบคำถามของอาจารยืได้เป้นอย่างดี เตรียมแผนการสอนของหน่วยตัวเองมาเป็นอย่างดีและมีเทคนิควิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
อาจารย์มีความรับผิดชอบตรงต่อเวลาและเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี แต่งกายได้เหมาะสมสามารถเป็นตัวอย่างให้กับนักศึกษาได้ แนะนำและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเสนอเพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และหากนักศึกษามีข้อสงสัยอาจารย์ก็สามารถอธิบายให้นักศึกษาฟังได้อย่างดีรวมไปถึงการบอกเทคนิคต่างๆเพิ่มเติม







วันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561



บันทึกหลังการเรียนรู้
ครั้งที่ 9 วันที่ 12 มีนาคม 2561
เนื้อหาการเรียนรู้
             ก่อนการสอนกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะตามหน่วยของตนเอง อาจารย์ชี้แนะอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและจังหวะว่าควรทำอย่างไร มีเทคนิคและวิธีการอย่างไร และสาธิตให้นักศึกษาดูเป็นตัวอย่างเพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้นของนักศึกษา เมื่ออาจารย์สาธิตให้ดูแล้วนั้นก็ให้ตัวแทนของกลุ่มออกไปสอน (วันจันทร์) ตามหน่วยของกลุ่มตนเอง โดยให้เพื่อนภายในห้องเรียนแสดงสมมติเป็นเด็กๆภายในห้องเรียน
Ø กิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ
·       หน่วยตัวเรา
·       หน่วยผีเสื้อ
·       หน่วยฝนจ๋า
·       หน่วยของเล่นของใช้
·       หน่วยยานพาหะนะ
·       หน่วยน้ำ
·       หน่วยไข่
การสอนตามหน่วยต่างๆทั้ง 7 หน่วยนี้ เพื่อนๆเขียนแผนและมีการเตรียมการสอนอย่างดี เช่นการสอนในขั้นพื้นฐาน มีทั้งการเดิน การกระโดด ก้าวชิด และอื่นๆ
ข้อเสนอแนะและเทคนิคเพิ่มเติมจากอาจารย์เพื่อนำไปปรับใช้ในการสอนกับเด็กและสามารถควบคุมชั้นเรียนได้เมื่อเจอกับสถาณการณ์จริง
§  การเคลื่อนไหวพื้นฐาน สามารถทำได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การเดิน การกระโดด ก้าวชิดก้าว การใช้ทิศทางในการเคลื่อนไหว ซ้าย ขวา หน้า หลัง
§  การเคลื่อนไหวแบบสัมพันธ์เนื้อหา จะต้องมีความสอดคล้องกับหน่วยการเรียนรู้นั้นๆ
§  การพักคลายกล้ามเนื้อ ควรมีวิธีที่หลากหลาย เช่น ให้เด็กจับกลุ่มย่อยแล้วนวดไปด้วยกัน หรืออาจจะเป็นกลุ่มใหญ่ ควรมีเพลงเข้ามาสอดแทรก จะทำให้เด็กเกิดความสนใจและอยากที่จะเรียนรู้ในวันต่อๆไป
§  การเคาะจังหวะ ต้องเคาะให้มีน้ำหนักและชัดเจนเด็กจะได้แยกจังหวะได้ถูกต้อง
§  เสียงของครูต้องชัดเจน
§  สาระที่ควรเรียนรู้ จะต้องใส่เนื้อหาในการสอนเราจะได้ทราบว่าเราจะสอนอะไรในหน่วยนั้น
            ความรู้เพิ่มเติม  
กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายกระทรวงศึกษาธิการจึงได้กำหนดลักษณะของการจัดกิจกรรม ดังนี้
1.        เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ที่มีรูปแบบของการเคลื่อนไหวดังนี้
o    การเคลื่อนไหวพื้นฐาน ได้แก่ การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
o    การเลียนแบบ เช่น ท่าทางสัตว์ ท่าทางคน เครื่องยนต์กลไก และเครื่องเล่น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
o    การเคลื่อนไหวตามบทเพลง เช่น การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางประกอบเพลง
o    การทำท่าทางกายบริหารประกอบเพลง เช่น การทำท่าทางกายบริหารตามจังหวะและทำนองเพลง หรือคำคล้องจอง
o    การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ เช่น การเคลื่อนไหวที่ให้เด็กคิดสร้างสรรค์ท่าทางขึ้นเอง อาจชี้นำด้วยการป้อนคำถาม เคลื่อนไหวโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ห่วงหวาย แถบผ้า ริบบิ้น ถุงทราย
o    การเล่นหรือการแสดงท่าทางตามคำบรรยายเรื่องราว เช่น การเคลื่อนไหวหรือแสดงท่าทางตามจินตนาการจากเรื่องราวหรือคำบรรยายที่ครูเล่า
o    การปฏิบัติตามคำสั่งและข้อตกลง เช่น การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางตามสัญญาหรือคำสั่งตามที่ได้ตกลงไว้ก่อนเริ่มกิจกรรม
o    การฝึกทำท่าทางเป็นผู้นำ-ผู้ตาม เช่น การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางจากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเอง แล้วให้เพื่อนปฏิบัติตาม
2.        ใช้เพลง เครื่องดนตรีประกอบการเคลื่อนไหว คำคล้องจอง
3.        ส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ประสานสัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ด้วยการใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สู่การเคลื่อนไหวลักษณะต่างๆ คือ เคลื่อนช้า ได้แก่ คืบ-คลาน เคลื่อนเร็ว เช่น วิ่ง เคลื่อนนุ่มนวล เช่น การบิน การไหว้ เคลื่อนไหวขึงขัง เช่น การกระทืบเท้าดังๆ ตีกลองดังๆ การเคลื่อนไหวแสดงท่าทางร่าเริงมีความสุข เช่น การตบมือตามจังหวะ และการเคลื่อนไหวแสดงความเศร้าโศก เสียใจ เช่น แสดงสีหน้า ท่าทาง เป็นต้น
4.        การเคลื่อนไหวแสดงทิศทาง เช่น ข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา เคลื่อนตัวขึ้น-ลง เคลื่อนไหวรอบทิศ
เกร็ดความรู้เพื่อครู
การจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะ ครูควรพิจารณาเรื่องต่อไป
ü นี้จัดกิจกรรมท่ามกลางบรรยากาศความสุขและสนุกสนาน ชวนเด็กร่วมกิจกรรมดีกว่าการบังคับ
ü เด็กควรได้รู้จักชื่อท่าการเคลื่อนไหวเบื้องต้นเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ภาษาไปด้วย
ü ส่งเสริมให้เด็กเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นไปตามธรรมชาติของเด็กปฐมวัยและตอบสนองความต้องการของเด็กให้เพียงพอ
ü เน้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็กมากกว่าการทำท่าทางตามครูบอกหรือการสาธิต
ü ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้กล้ามเนื้อใหญ่ก่อน ได้แก่ การใช้กล้ามเนื้อลำตัว แขน ขา
ü สร้างทัศนคติที่ดีต่อตนเองให้แก่เด็กว่า ตนความสามารถที่จะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่าง กายได้ เป็นการพัฒนาการรับรู้เกี่ยวกับตนเองและพัฒนาจิตใจ สร้างความเชื่อมั่นในตนเองให้แก่เด็ก

การเคลื่อนไหวมีลักษณะ ดังนี้
1. ช้า ได้แก่ การคืบ คลาน                                     2. เร็ว ได้แก่  การวิ่ง                       
3. นุ่มนวล ได้แก่ การไหว้ การบิน                           4. ขึงขัง   ได้แก่  การกระทืบเท้าดังๆ  ตีกลองดังๆ
 5. ร่าเริงมีความสุข ได้แก่ การตบมือ การหัวเราะ               6. เศร้าโศกเสียใจ  ได้แก่  สีหน้า  ท่าทาง ฯลฯ
ทิศทางการเคลื่อนไหว
1. เคลื่อนไหวไปข้างหน้า และข้างหลัง                       2. เคลื่อนไหวไปข้างซ้าย และข้างขวา
3. เคลื่อนตัวขึ้นลง                                       4. เคลื่อนไหวรอบทิศ
รูปแบบการเคลื่อนไหว
1. เคลื่อนไหวพื้นฐานได้แก่ การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเด็กมี 2 ประเภท
1.1   เคลื่อนไหวอยู่กับที่ ได้แก่ ตบมือ ผงกศีรษะ ขยิบตา ชันเขา เคาะเท้า เคลื่อนไหวมือและแขน มือและนิ้ว เท้าและปลายเท้า
1.2 การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่ ได้แก่  คลาน คืบ เดิน วิ่ง  กระโดด ควบม้า ก้าวกระโดด
2. การเลียนแบบมี 4 ประเภท
2.1 เลียบแบบท่าทางสัตว์
2.2 เลียบแบบท่าทางคน
2.3 เลียนแบบเครื่องยนต์กลไกล และ เครื่องเล่น
2.4 เลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติ
3. การเคลื่อนไหวตามบทเพลง ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางประกอบเพลง เช่น เพลง ข.ไข่ หรือเพลงตามสมัยนิยม เป็นต้น
4. การทำท่าทางกายบริหารประกอบเพลง ได้แก่  การทำท่าทางกายบริหารตามจังหวะและประกอบเพลง หรือคำคล้องจ้อง
5. การเคลื่อนไหวเชิงสร้างสรรค์ ท่าทางขึ้นเองอาจชี้นำโดยการป้อนคำถามเคลื่อนไหวโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น ห่วงยาง แถบผ้า บัตรคำ ริบบิ้น ฯลฯ
6. การเล่นหรือการทำท่าทางตามคำบรรยาย เรื่องราว ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือแสดงท่าทางตามจินตนาการจากเรื่องราวหรือคำบรรยายที่ผู้สอน เล่า
7. การปฏิบัติตามคำสั่ง หรือข้อตกลง ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทาง ตามสัญญาณตามคำสั่งตามที่ตกลงไว้ก่อนเริ่มกิจกรรม
8. การฝึกท่าทางเป็นผู้นำ ผู้ตาม ได้แก่ การเคลื่อนไหวหรือทำท่าทางจากความคิดสร้างสรรค์ของเด็กเองแล้วให้เพื่อนปฏิบัติตามกิจกรรม

คำศัพท์ที่น่าสนใจ
Jump กระโดด
Walk เดิน
Direction ทิศทาง
การนำมาประยุกต์ใช้
นำความรู้และหลัการที่อาจารย์สอนไปใช้ในการฝึกสอนได้ เช่น การเขียนแผนการสอน การร้องเพลง และยังรวมไปถึงการเตรียมเขียนแผนการสอนในหน่วยการเรียนรู้ต่างๆว่าจะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้างเพื่อง่ายต่อการเขียนแผนการสอนกิจกรรมการเคลื่อนไหวและจังหวะจังหวะที่เคาะต้องมีความชัดเจนเพื่อที่เด็กจะได้แยกจังหวะหยุด และจังหวะการเคลื่อนไหว
การประเมินผล
ประเมินตนเอง
ไปตรงเวลาและตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด มีข้อเสนอแนะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับอาจารยืเมื่ออาจารรย์ถาม และทำงานกับเพื่อนได้ตามบรรลุเป้าหมาย ตอบคำถามและถามอาจารย์เมื่อไม่เข้าใจ
ประเมินเพื่อน
เพื่อนตั้งใจเรียนและช่วยกันตอบคำถามของอาจารยืได้เป้นอย่างดี เตรียมแผนการสอนของหน่วยตัวเองมาเป็นอย่างดีและมีเทคนิควิธีการสอนที่แตกต่างกันออกไป
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
อาจารย์มีความรับผิดชอบตรงต่อเวลาและเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี แต่งกายได้เหมาะสมสามารถเป็นตัวอย่างให้กับนักศึกษาได้ แนะนำและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเสนอเพื่อให้นักศึกษามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และหากนักศึกษามีข้อสงสัยอาจารย์ก็สามารถอธิบายให้นักศึกษาฟังได้อย่างดีรวมไปถึงการบอกเทคนิคต่างๆในการสอนแผนการเคลื่อนไหวและจังหวะ ที่หลากหลาย